ออสเตรเลียยึดมั่นตามแผนที่จะเปิดประเทศติดต่อกับประเทศอื่นๆทั่วโลกในราวกลางปีหน้า แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ว่า ออสเตรเลียยึดมั่นตามแผนที่จะเปิดประเทศในราวกลางปีหน้า หลังปิดพรมแดนมาตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่อนุญาตให้บุคคลสัญชาติออสเตรเลียหรือมีถิ่นฐานพำนักอยู่ในออสเตรเลีย เดินทางเข้าประเทศ แล้วยังจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ อนุญาตให้เฉพาะบุคคลสัญชาติออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ สามารถเดินทางกลับมาได้เท่านั้น
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า ออสเตรเลียฟันฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดด้วยคำแนะนำของทีมแพทย์หรือหน่วยงานสาธารณสุขเป็นสำคัญ และขณะนี้เราจะรับฟังความเห็นของทีมงานด้านเศรษฐกิจบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้นายจอช ไฟร์เดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลียกล่าวว่า คำแนะนำของทีมแพทย์ที่ให้ปิดพรมแดนไว้ก่อน ได้ผลตอบรับอย่างดีจนฟันฝ่าวิกฤตมาได้
การปิดพรมแดนของออสเตรเลีย รวมทั้งคำสั่งล็อกดาวน์หรือปิดพื้นที่ ระบบติดตามตัวและการเชื่อฟังคำแนะนำด้านสาธารณสุข ทำให้มาตรการควบคุมโรคของออสเตรเลียบรรลุผลจนติดอันดับกลุ่มประเทศที่ประสบผลสำเร็จที่สุดในโลกในการควบคุมการแพร่ระบาด ด้วยตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อสะสมในประเทศ 29,700 รายและเสียชีวิต 910 ศพ
แต่การปิดพรมแดนของออสเตรเลียก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมรวมถึงนักการเมืองเช่นนายทิม วิลสัน ส.ส.พรรคลิเบอรัลจากเมืองเมลเบิร์นกล่าวว่า การปิดพรมแดนเป็นคำสั่งชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้เราเป็นดินแดนส่วนหน้าที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ขณะที่นายเบรตต์ ซัตตัน หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขรัฐวิกตอเรียกล่าวเสนอแนะว่าออสเตรเลียควรจะคิดเรื่องการเปิดประเทศในทันทีที่พบว่ามีการฉีดวัคซีนกันมากขึ้น นอกจากนั้นการปิดพรมแดนยังทำให้มีชาวออสเตรเลียจำนวนมากตกค้างอยู่ในต่างประเทศ เช่นตัวเลขของภาครัฐระบุว่า มีชาวออสเตรเลีย 9,000 คนอยู่ในประเทศอินเดีย ได้ยื่นลงทะเบียนเพื่อขอกลับถิ่นฐานบ้านเกิด ซึ่งขณะนี้อินเดียมีการระบาดรุนแรงจากไวรัสโควิด-19